การต่อเรือเพื่อขนทรัพยากรช่วงสงคราม

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1942 ประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาในแถบแปซิฟิก กองทัพจึงต้องการเรือเพิ่ม ในตอนแรก ไม่มีใครมองว่าคาร์กิลล์จะเป็นหุ้นส่วนในการช่วยเติมเต็มความต้องการนี้ได้ แม้ว่าบริษัทได้เคยผลิตเรือบรรทุกขึ้นหนึ่งลำในปี 1940 แต่บริษัทการค้าทางการเกษตรแห่งนี้ดำเนินกิจการบนแผ่นดิน และมีประสบการณ์การต่อเรือเพียงน้อยนิด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาร์กิลล์มีคือความสามารถในการมองข้ามขีดจำกัดต่างๆ ของตนเอง บริษัทได้ประมูลด้วยความกระตือรือร้้นและได้ทำสัญญากับกองทัพเรือเพื่อสร้างเรือขนส่งน้ำมันและก๊าซ (AOG) หกลำ

จอห์น แมคมิลลาน จูเนียร์ ประธานคาร์กิลล์ ได้เลือกสถานที่ต่อเรือที่ไม่ธรรมดาในซาเวจ มินเนสโซตา ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมินเนสโซตา แม้ว่าวัตถุดิบในการต่อเรือจะขาดแคลน การก่อสร้างก็เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว ในสถานที่ที่ต่อมาเรียกว่า Port Cargill ตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จในปี 1943 จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดในปี 1945 อู่ทำหน้าที่เป็นสถานที่ก่อสร้างสำหรับเรือบรรทุกและเรือลากที่มอบหมายโดยกองทัพสหรัฐอเมริกา

"รางวัลที่เราได้รับสำหรับความพยายามนี้ทั้งหมดคือความรู้สึกภาคภูมิใจที่เรามีในความเสียสละให้กับความพยายามที่อุทิศให้กับการทำสงคราม"
— จอห์น แมคมิลลาน จูเนียร์ ประธานบริษัทคาร์กิลล์กล่าว

อู่แบบแห้งประสบกับปัญหาของตนเอง ภาวะน้ำท่วมอย่างรุนแรงในเดือนเมษายนปี 1943 และเดือนพฤษภาคมปี 1944 เกือบทำให้ต้องหยุดปฏิบัติการต่อเรือ แต่พนักงาน 3,000 คนได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความทุ่มเทให้กับงานนี้ เหล่าคนงานต้องนั่งเรือเฟอร์รี่จากบ้านของพวกเขาไปอู่ในทุกเช้า เพื่อให้การก่อสร้างยังสามารถดำเนินต่อไปได้ตามกำหนดการ และพวกเขาจงใจทำให้น้ำท่วมเรือบางลำของพวกเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เรือลอยออกไป ด้วยผลของการตรากตรำงานหนักของพวกเขา ช่างต่อเรือของคาร์กิลล์ได้ลดการหยุดชะงักลงให้เหลือน้อยที่สุด และการสร้างเรือขนส่งและเรือลากให้กับรัฐบาลสหรัฐก็ดำเนินต่อไป

ในวันที่ 6 พฤษภาคมปี 1943 อู่ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นนี้ก็ได้เปิดตัวเรือบรรทุกลำแรกของคาร์กิลล์ที่ชื่อ USS Agawam ต่อหน้าฝูงชนผู้สนับสนุนอู่ต่อเรือที่ร่วมแสดงความยินดี เมื่อถึงเวลาที่สงครามสิ้นสุด Port Cargill ได้สร้างเรือเดินสมุทร 18 ลำให้กับกองทัพเรือ และสร้างเรือลากสี่ลำให้กับกองทัพ และได้รับรางวัล “E” อันทรงเกียรติตัวแรกของกองทัพและกองทัพเรือให้กับบริษัทสำหรับความเป็นเลิศในการผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในการสงคราม ในความเป็นจริงแล้ว เรือบรรทุกเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นอย่างดีจนยังคงมีการใช้งานต่อไปหลังสงคราม ซึ่งบางลำก็ถูกใช้สำหรับการขนส่งทางทะเล และมีอย่างน้อยหนึ่งลำที่มีการใช้งานเป็นระยะเวลา 35 ปีหลังจากที่สร้างเสร็จ

ความสำเร็จของพอร์ทคาร์กิลล์ไม่ได้สิ้นสุดไปพร้อมกับสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ยังคงยืนหยัดเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญให้แก่การขนส่งธัญพืชของบริษัท และขยายกิจการของคาร์กิลล์ให้กว้างขวางและเข้าถึงตลาดใหม่ๆ

รองประธาน ออสเต็น คาร์กิลล์ (ลำดับที่สองจากด้านขวา) นำชม Port Cargill ให้กับสมาชิกกองทัพซึ่งต่อมาเป็นผู้มอบรางวัลความเป็นเลิศด้านการผลิตอุปกรณ์เพื่อการสงครามให้แก่คาร์กิลล์