skip to main content

การสร้างแผนกความปลอดภัยของอาหารของ Cargill

จากการที่บริษัทได้ขยายธุรกิจของมัน ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับผู้บริโภคที่มากขึ้น เหล่าผู้นำต่างเล็งเห็นความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นของความปลอดภัยของอาหาร

January 01, 2015

เมื่อรองประธานบริหารของ Cargill Gerald Mitchell ขอให้ ดร. Austen Cargill เป็นผู้นำให้แก่แผนกความปลอดภัยของอาหารแผนกใหม่ของบริษัทนี้ ในปี 1990 Austen ก็เกิดอยากรู้อยากเห็น เหลนของผู้ก่อตั้ง W. W. Cargill นั้นไม่คุ้นเคยกับเรื่องความปลอดภัยของอาหารเลย บริษัทต่างเคยทำงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารที่ปลอดภัย แต่โดยดั้งเดิมแล้วพวกเขาทำมันโดยกรรมวิธีควบคุมคุณภาพ เนื่องจากกระบวนการการจัดการความปลอดภัยของอาหารนั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลายในเวลานั้น

Austen ยอมรับการท้าทาย และภายใต้การนำของเขา บริษัทก็ได้ทำการจัดตั้งทีมงานที่มุ่งเน้นเฉพาะในการทำให้มั่นใจว่าอาหารนั้นปลอดภัยตั้งแต่ฟาร์มถึงส้อมเลยทีเดียว ผลงานของพวกเขาช่วยสร้างโครงร่างให้แก่สิ่งที่ภายหลังกลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรม

เหล่าหัวกระทิของ Cargill และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมได้เข้ามาร่วมงานกับ Austen เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่มุ่งมั่นในด้านความปลอดภัยของอาหาร ทีมงานที่ก่อตั้งในปี 1990 นั้นประกอบไปด้วย ดร.Howard Bauman ผู้มีประวัติในการทำงานให้แก่นาซ่า Pillbury และการสร้างระบบบริหารจัดการความปลอดภัยของอาหารที่เป็นที่รู้จักกันในนาม "HACCP" การวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points) ในทศวรรษ 1960 เพื่อทำความเข้าใจสถานะปัจจุบันของบริษัทได้ดีขึ้น Austen ได้เดินทางไปยังหลากหลายที่ทำการ ทบทวนกระบวนการต่างๆ ของพวกเขาและสนทนาโดยตรงกับผู้ประกอบการและผู้ดูแลอาหาร หลายครั้งที่เขาจะอยู่ในกะดึกระหว่างการเยี่ยมของเขาและพูดคุยกับพนักงานในระหว่างที่พวกเขาทำงานไปจนถึงช่วงเช้า

“Austen นั้นถือเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุดเท่าที่คุณจะได้เจอ” Todd McAloon หัวหน้าทีมความปลอดภัยของอาหาร คุณภาพ และ กฎระเบียบสำหรับธุรกิจอาหารสัตว์ของ Cargill ผู้เป็นสมาชิกที่สำคัญของทีมเช่นกัน ได้กล่าวไว้ ในช่วงเริ่มต้นของแผนกความปลอดภัยของอาหารของบริษัท McAllon ได้ออกเยี่ยมสถานที่พร้อมกับ Austen และช่วยเขาทำการฝึกอบรมให้แก่พนักงานความปลอดภัยของอาหารรุ่นแรกของ Cargill กว่า 1000 คน “Austen ต้องการที่จะเห็นทุกอย่างและสัมผัสกับอุปสรรคของการทำอาหารให้ปลอดภัยในแต่ละวัน” McAloon กล่าวไว้ “นอกจากนี้เขายังทำให้มั่นใจอีกว่าเหล่าหัวหน้าฝ่ายธุรกิจนั้นจัดสรรทรัพยากรให้สำหรับระบบความปลอดภัยของอาหาร ในท้ายที่สุด ความพากเพียรและความหลงใหลในความปลอดภัยของอาหารในตัว Austen ก็ได้ช่วยเปลี่ยนแปลง Cargill และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสำหรับอุตสาหกรรมอาหารทั้งหมดเลยทีเดียว

ระหว่างการสัมมนาด้านความปลอดภัยของอาหาร มีบ่อยครั้งที่ Austen จะทำการเชิญเหล่านักเรียนมาให้ทำการพิจารณาผลิตภัณฑ์อันหลากหลายที่ทำจากส่วนผสมของ Cargill “ผมจะพูดว่า‘จากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีกี่อย่างที่อยู่ในบ้านคุณ มีกี่อย่างที่คุณให้ลูกหลานของคุณกิน’ ‘คุณไม่อยากทำให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ปลอดภัยเหรอ อาหารที่คุณทำนั้นจะถูกกินโดยลูกหลาน, พ่อแม่ และปู่ย่าตายายของคุณ’” Austen อธิบาย “มันทำให้กลายเป็นเรื่องส่วนบุคคล”

ความก้าวหน้าที่ Cargill ประสบความสำเร็จมาพร้อมกับแผนกความปลอดภัยของอาหารนั้นถูกยอมรับอย่างแพร่หลายว่าเป็นการปฎิวัติวงการและช่วยส่งเสริมชื่อเสียงของบริษัทในด้านความไว้วางใจ ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับลูกค้า

ในตอนนี้ Cargill ยังคงมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องในระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหารเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดให้แก่ผู้อื่นในอุตสาหกรรมอาหาร โดยสถานที่ทำการผลิตอาหารทั้งหมดของ Cargill ได้รับประกาศนียบัตร Global Food Safety Initiative Food Safety System แผนกความปลอดภัยของอาหารของบริษัทประกอบไปด้วยพนักงานกว่า 4000 คน และพนักงานทุกคนต่างได้รับอำนาจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีส่วนร่วมในความสำเร็จของระบบความปลอดภัยของอาหารของบริษัท

ความปลอดภัยของอาหารนั้นยังคงสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาวของ Cargill ในทุกวัน Cargill มุ่งมั่นที่จะคงรักษาและเพิ่มความไว้วางใจจากลูกค้าและผู้บริโภค โดยเริ่มจากความปลอดภัยของอาหารและนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทและขยายตัวออกไปเพื่อพัฒนาความปลอดภัยของอาหารทั่วโลก